รุ่นท็อป “iPhone” เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนชื่อดังจากบริษัท Apple Inc. ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในโลกนับตั้งแต่ iPhone รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2550 จนถึงขณะนี้มี iPhone หลายรุ่นที่มีการคิดค้นและจำหน่าย รุ่นใหม่ล่าสุดคือ iPhone 14, iPhone 14 Pro อย่างไรก็ตาม iPhone รุ่นก่อน ๆ ยังคงได้รับความนิยมแม้จะวางขายมาหลายปีแล้วก็ตาม เช่น iPhone 13 mini, iPhone SE เป็นต้น Samsung
ในบทความนี้ เราจะแนะนำวิธีเลือก iPhone โดยพิจารณาจากความจุของอุปกรณ์ กล้อง ความเรียบและความคมชัด และขนาดหน้าจอ รวมไปถึงงบประมาณ ด้วยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟน ยังมี iPhone 10 รุ่นยอดนิยมให้ทุกคนพิจารณาเลือกซื้อตามความเหมาะสมและตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด ใช่ OPPO
iPhone 14
รุ่นท็อป iPhone 14 รุ่นเริ่มต้นสำหรับแฟนๆ iPhone ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ครบครัน มีจอภาพ Super Retina อันทรงพลัง ทำงานได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด และที่สำคัญมีแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน คุณสามารถดูวิดีโอได้นานถึง 20 ชั่วโมง
iPhone14 Pro
iPhone14 Pro เป็นนวัตกรรม Dynamic Island สุดล้ำรุ่นแรกของ Apple ซึ่งเป็นฟังก์ชันเรียลไทม์เพื่อแสดงการแจ้งเตือนและกิจกรรมต่างๆ เพิ่มความเพลิดเพลินของคุณในขณะที่ใช้งาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องระดับมืออาชีพอีกด้วย ด้วยกล้องหลัก 48MP และเซ็นเซอร์ Quad Pixel ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจอแสดงผลที่สมบูรณ์อีกด้วย เพิ่มความสว่าง 2 เท่าเมื่อใช้โทรศัพท์กลางแจ้ง ที่สำคัญคือใช้ชิป A16 Bionic ใช้งานได้ลื่นไหลและประหยัดพลังงาน Samsung
iPhone13 Pro Max
หน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ลำโพงสเตอริโอ ดูหนังและฟังเพลงได้ในเครื่องเดียว สำหรับคนชอบดูหนัง ดูซีรีย์ หรือชอบฟังเพลง และคิดว่าขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วของ iPhone 13 Pro นั้นไม่ใหญ่พอ เราขอแนะนำรุ่นท็อปนี้อย่าง 13 Pro Max เพราะมาพร้อมหน้าจอที่ขยายใหญ่ขึ้นถึง 6.7 นิ้ว ด้วยหน้าจอ OLED Super Retina XDR HDR ภาพมีความคมชัดสวยงามสมจริง เสริมด้วยลำโพงสเตอริโอคู่ซ้ายและขวา ให้คุณเพลิดเพลินกับการชมภาพยนตร์หรือซีรีส์จากแอพชื่อดังอย่าง Netflix, Viu, WeTV รวมถึง YouTube หรือฟังเพลง เสียงดังและชัดเจนอย่างแน่นอน สเปกอื่นๆ ก็เหมือนกับ iPhone 13 Pro ทุกประการ OPPO
iPhone13 Pro
เรียบเนียนด้วยหน้าจอ OLED 120Hz และกล้องที่อัปเกรดเต็มที่ แม้ว่าดีไซน์จะไม่แตกต่างจาก iPhone 12 Series มากนัก แต่ประสิทธิภาพเรียกได้ว่าได้รับการอัพเกรดขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต A15 Bionic 6-core อันทรงพลัง พร้อมด้วยกราฟิกการ์ด On-chip 5-core อีกตัว ช่วยให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะใช้งานแบบไหนก็ตอบสนองได้รวดเร็ว ปรับปรุงด้วย OLED ขนาด 6.1 นิ้ว Super Retina Next เป็นกล้องหลังที่มีความละเอียดรวม 12 MP ซึ่งรวมถึงกล้องเทเลโฟโต้ กล้องไวด์ และกล้องอัลตร้าไวด์ จุดเด่นอยู่ที่โหมดบันทึกวิดีโอ HDR Dolby Vision 4K 60fps ซึ่งให้โทนสีภาพที่สวยงาม มันเหมือนกับกล้องถ่ายภาพยนตร์
iPhone 13
ชิปเซ็ต A15 Bionic หน้าจอมีรอยบากน้อยลง ดื่มด่ำกับการใช้งานมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่กลับมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย เริ่มด้วยหน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ที่สว่างกว่ารุ่นก่อนถึง 28% และมีรอยบากที่เล็กลง ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการใช้งานที่มากขึ้น มาพร้อมชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูงอย่าง A15 Bionic ซึ่งประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมและประมวลผลสีของภาพถ่าย สมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษอีกประการหนึ่งคือประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP68 ช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างปลอดภัย มั่นใจยิ่งขึ้น แม้ว่าคุณจะทำเครื่องตกน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม
iPhone 12
หน้าจอ OLED Super Retina XDR สีสันสดใส กล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลรุ่นนี้เหมาะกับใครที่ต้องการความสามารถแบบเดียวกับรุ่น 12 Pro แต่มีงบจำกัด มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว หน้าจอเป็น OLED Super Retina XDR ที่มีสีสันสวยงามสดใส สเปกเทียบเท่ากับรุ่น 12 Pro ความแตกต่างคือขนาด RAM เพียง 4GB ในขณะที่รุ่น 12 Pro ประมวลผลช้ากว่า นอกจากนี้กล้องยังเป็นกล้องคู่ในขณะที่ iPhone 12 Pro เป็นแบบ 3 กล้อง กล้องหน้าและหลังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 ซูมออปติคอล 2 เท่า ซูมดิจิตอลสูงสุด 5 เท่า สำหรับคนไม่เน้นใช้กล้องมือถือหนักๆ รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ครับ รุ่นท็อป
บทความที่เกี่ยวข้อง